วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

บทประพันธ์ แม่นาค พระโขนง


เรื่องเล่า

มีสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ด้วยกันที่ย่านพระโขนง สามีชื่อนายมาก ส่วนภรรยาชื่อนางนาก ทั้งสองใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจนนางนากตั้งครรภ์อ่อน ๆ นายมากก็มีหมายเรียกให้ไปเป็นทหารประจำการที่บางกอก นางนากจึงต้องอยู่ตามลำพังเวลาผ่านไป ท้องของนางนากก็ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ จนครบกำหนดคลอด หมอตำแยก็มาทำคลอดให้ ทว่าลูกของนางนากไม่ยอมกลับหัว จึงไม่สามารถคลอดออกมาตามธรรมชาติ ยังผลให้นางนากเจ็บปวดเป็นยิ่งนัก และในที่สุดนางนากก็ทานความเจ็บปวดไว้ไม่ไหว สิ้นใจไปพร้อมกับลูกในท้อง กลายเป็นผีตายทั้งกลมหลังจากนั้น ศพของนางนากได้ถูกนำไปฝังไว้ยังป่าช้าท้ายวัดมหาบุศย์ ส่วนนายมากเมื่อปลดประจำการก็กลับจากบางกอกมายังพระโขนงโดยที่ยังไม่ทราบความว่าเมียของตัวได้หาชีวิตไม่แล้ว นายมากกลับมาถึงในเวลาเข้าไต้เข้าไฟพอดี จึงไม่ได้พบชาวบ้านเลย เนื่องจากบริเวณบ้านของนางนาก หลังจากที่นางนากตายไปก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะกลัวผีนางนากซึ่งต่างก็เชื่อกันว่าวิญญาณของผีตายทั้งกลมนั้นเฮี้ยน และมีความดุร้ายเป็นยิ่งนักครั้นเมื่อนายมากกลับมาอยู่ที่บ้าน ผีนางนากก็คอยพยายามรั้งนายมากให้อยู่ที่บ้านตลอดเวลา ไม่ให้ออกไป
พบใคร เพราะเกรงว่านายมากจะรู้ความจริงจากชาวบ้าน นายมากก็เชื่อเมีย เพราะรักเมีย ไม่ว่าใครที่มาพบเจอนายมากจะบอกนายมากอย่างไร นายมากก็ไม่เชื่อว่าเมียตัวเองตายไปแล้ว จนวันหนึ่งขณะที่นางนากตำน้ำพริกอยู่บนบ้าน นางนากทำมะนาวตกลงไปใต้ถุนบ้าน ด้วยความรีบร้อน นางจึงเอื้อมมือยาวลงมาจากร่องบนพื้นเรือนเพื่อเก็บมะนาวที่อยู่ใต้ถุนบ้าน นายมากขณะนั้น บังเอิญผ่านมาเห็นพอดี จึงปักใจเชื่ออย่างเต็มร้อย ว่าเมียตัวเองเป็นผีตามที่ชาวบ้านว่ากันนายมากวางแผนหลบหนีผีนางนาก โดยการแอบเจาะตุ่มใส่น้ำให้รั่วแล้วเอาดินอุดไว้ ตกกลางคืนทำทีเป็นไปปลดทุกข์เบา แล้วแกะดินที่อุดตุ่มไว้ให้น้ำไหลออกเหมือนคนปลดทุกข์เบา จากนั้นจึงแอบหนีไป นางนากเมื่อเห็นผิดสังเกตจึงออกมาดู ทำให้รู้ว่าตัวเองโดนหลอก จึงตามนายมากไปทันที นายมากเมื่อเห็นผีนางนากตามมาจึงหนีเข้าไปหลบอยู่ในดงหนาด นางนากไม่สามารถทำอะไรได้เพราะผีกลัวใบหนาด นายมากหนีไปพึ่งพระที่วัด นางนากไม่ลดละพยายาม ด้วยความที่เจ็บใจชาวบ้านที่คอยยุแยงตะแคงรั่วผัวตัวเองอีกประการหนึ่ง ทำให้นางนากออกอาละวาดหลอกหลอนชาวบ้านจนหวาดกลัวกันไปทั้งบาง ซึ่งความเฮี้ยนของนางนาก ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ถูกฝังไว้ระหว่างต้นตะเคียนคู่นั่นเอง ในที่สุด นางนากก็ถูกหมอผีฝีมือดีจับใส่หม้อถ่วงน้ำ จึงสงบไปได้พักใหญ่จนกระทั่งตายายคู่หนึ่งที่ไม่รู้เรื่องเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ เก็บหม้อที่ถ่วงนางนากได้ขณะทอดแหจับปลา นางนากจึงถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สยบลงได้ กะโหลกศีรษะส่วนหน้าผากของนางนากถูกเคาะออกมาทำหัวปั้นเหน่ง เพื่อเป็นการสะกดวิญญาณ และนำนางนากสู่สุคติ หลังจากนั้น ปั้นเหน่งชิ้นนั้นก็ตกทอดไปยังเจ้าของอื่น ๆ อีกหลายมือ ตำนานรักของนางนาก นับเป็นตำนานรักอีกเรื่องหนึ่งที่ประทับใจผู้ฟังอย่างไม่รู้จบ กับความรักที่มั่นคงของนางนากที่มีต่อสามี ที่แม้แต่ความตายก็มิอาจพรากหัวใจรักของนางไปได้


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%87

           บทละครโทรทัศน์                                                                                                                                                                       
แม่นาคพระโขนง - พ.ศ. 2522 ออกอากาศทาง ช่อง 7 นำแสดงโดย ปริศนา วงศ์ศิริ, ชานนท์ มณีฉาย                                                    
แม่นาคพระโขนง - พ.ศ. 2532 ออกอากาศทาง ช่อง 3 นำแสดงโดย ตรีรัก รักการดี, เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์                                         
แม่นาคพระโขนง - พ.ศ. 2537 ออกอากาศทาง ช่อง 5 นำแสดงโดย ลีลาวดี วัชโรบล, วรุฒ วรธรรม                                                   
แม่นาคพระนคร - พ.ศ. 2539 ออกอากาศทาง ช่อง 7 นำแสดงโดย กัญญารัตน์ จิรรัชชกิจ, นุติ เขมะโยธิน                                            
แม่นาค - พ.ศ. 2542 ออกอากาศทาง ช่อง 7 นำแสดงโดย พัชราภา ไชยเชื้อ, พีท ทองเจือ                                                                     
แม่นากพระโขนง - พ.ศ. 2543 ออกอากาศทาง ช่อง 3 นำแสดงโดย กุลณัฐ ปรียะวัฒน์, ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ                                        
แม่นาคพระโขนง รักนี้นิรันดร - พ.ศ. 2556 ออกอากาศทาง ช่อง 9 นำแสดงโดย อมราพร พร้อมลาภ, กวี วงศ์จันทรา

 

เหตุที่ต้องศึกษา บทละครเรื่อง แม่นาคพระโขนง บทละครเรื่องนี้มีความหน้าสนใจตรงที่ว่า  บทละคร เรื่องนี้ถึงจะนำกลับมาทำกี่รอบก็ตาม มันก็คงมีความคลาสสิกในตัว มันก็ยังคมความน่ากลัวตามเนื้อเรื่องของตัวมันเอง

นิเทศศาสตร์ยุคดิจิตอล

นิเทศศาสตร์ยุคดิจิตอล
                    
                        หากจะพูดถึงนิเทศาสตร์ คำว่านิเทศศาสตร์สามรถพูดถึงได้มากมาย แต่หลักๆและตามความเป็นจริงแล้วนิเทศศาสตร์หมายถึ ศาสตร์ที่ว่าด้วยการสื่อสารของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารภายในตัวเอง การสื่อสารระหว่างบุคคล ฯลฯ ซึ้งการสื่อสารเหล่านี้ต้องใช้ สื่อ และช่องทางการสื่อสารเป็นตัวช่วย ซึ่งในยุคนี้ ซึ้งเทคโนโลยีก้าวหน้าและมีการพัฒนาไปมาก  ชาวนิเทศศาสตร?ของเราที่ต้องใช้การสื่อสารเป็นหลักนั้นต้องตื่นตัวและปรับเข้ากลับการสื่อสารในยุตใหม่นี้ให้ได้และต้องนำมาปรับใช้ในหน้าที่และการงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่คุ้มค่า
 
 

                การใช้เทคโนโลยีนี้ไม่มีการจำกัดเรื่องเพศ วัย  ดังนั้นจึงมีผู้ใช้หลายหลายประเภทและใช้กันทั่วทั้งโลกเลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงมีบางกลุ่มนับเป็นโลกที่2 ของมนุษย์ และการใช้สื่อ ไอทีที่เร็วและแรงนั้นบางใช้ในทางที่ถูกบางใช้ในทางที่ไม่สมควรจึงทำให้ใช้งานแบบผิดๆ หาข่าว เสนอข่าวแบบผิดๆ

                ในสังคมออนไลย์นี้เราต้องระวังทั้งการส่งสารและรับสารเพราะมันอาจเป็นผลกระทบต่อคนภายนอกไม่มากก็น้อยเพียงแค่เรากด โฟตส์ หรือ กดแชร์เพียงเท่านี้อาจถึงกับทำคนล้มระลายไปเลยเพราะฉนันจะทำสิ่งใดจะโฟตส์อะไรก็คำนึงถึงผมกระทบที่จะตามมาด้วย และบางข่าวสารที่เราได้รับจะอาจเป็นข่าวสารที่ผิดและอาจไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงดังนั้นเราควรคิดก่อนตัดสินใจ


                นักนิเทศศาสตร์อย่างเราๆต้องเป็นทั้งผู้รับและผู้ส่งสารที่ดีไม่ควรหันไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และควรที่จะคำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา 

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แท่นพิมพ์ Gutenberg กับผลกระทบต่อสังคมในปัจจุบัน

ผู้ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์สำเร็จเป็นคนแรก เกิดที่เมืองเมนซ์ (Mainz) ประเทศเยอรมนี ในตระกูลนาง 

ค.ศ. 1455 เครื่องพิมพ์กูเตนเบิร์กพิมพ์พระคัมภีร์ไบเบิลออกมาราว 800 เล่ม เป็นที่รู้จักกันในชื่อ   ไบเบิ้ลของกูเตนเบิร์ก” (The Gutenburg Bible) จากผลงานครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งจากสังฆราชเมืองไมนซ์ให้เป็นมหาดเล็ก และได้รับเงินบำนาญอีกด้วย
                  
                 ช่วงที่ Gutenberg คิด ค้นแท่นพิมพ์นั้นเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นช่วงเดียวกับยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) หรือบทบาทของ Martin Luther ผู้นำศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ ที่แปลคัมภีร์ไบเบิ้ลจากภาษาละตินเป็นภาษาเยอรมัน จากนั้นก็อาศัยวิวัฒนาการของการพิมพ์ที่ทำให้คัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับภาษาเยอรมันแพร่หลายไปทั่ว และเริ่มโน้มน้าวให้คริสตชนเริ่มมาสนใจกับสิ่งที่เขียนในพระคัมภีร์ แทนที่จะไปเชื่อในสิ่งที่บาทหลวง หรือวาติกันบอกให้นักประวัติศาสตร์บอกเหมือนกันครับ ว่าถ้าไม่มี Gutenberg และแท่นพิมพ์ของเขาแล้ว Martin Luther คงไม่สามารถสร้างสรรค์อีกแนวทางหนึ่งของศาสนาคริสต์ขึ้นมาได้
แม้กูเตนเบิร์กจะไม่ใช่คนแรกที่คิดประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ แต่สิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้ก็คือ เขามีส่วนสำคัญในการทำให้วิทยาการต่างๆของโลกได้รับการเผยแพร่เขาได้ทำให้การพิมพ์อย่างรวดเร็วเป็นไปได้และทำให้ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยระบบการพิมพ์แบบใหม่ และเครื่องพิมพ์ของเขาก็ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของเครื่องพิมพ์หลายรุ่นในปัจจุบัน



                                    ผลกระทบต่อสังคมในปัจจุบัน

  ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา และการเมืองของยุโรปและของโลก  ไม่ว่าจะเป็นช่วงเดียวกับยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) หรือบทบาทของ Martin Luther ผู้นำศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์  แต่นับเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และบรรลือโลกที่มีการกำเนิด แท่นพิมพ์เครื่องนี้ของ โยฮันส์ กูเตนเบิร์ก 



วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชีวิตเด็กใหม่(ปี1)
                                นี้เป็นครั้งที่สองที่ผมได้มีโอกาสเรียนเริ่มต้นกับปี1อีกครั้ง ถึงมันจะเป็นครั้งที่สองกับคำว่า ปี1 แต่ผมก็ดีใจที่ได้ใช้คำนี้อีกครั้ง เพราะปี1ที่ผ่านไปแล้วอีก1ปีที่จะเข้ามาในปีนี้มีจะมีคำตอบให้กับผมได้รึป่าวกั มันจะใช้หรือเปล่ากับเส้นทางที่ต้องเดินไปข้างหน้างอย่างมีความสุขหรือแค่เรียนเพื่อให้ผ่านไปวันๆ

                             
  
ปี1ปีนี้อาจจะเป็นปีหนึ่งที่คุ้มค่าที่สุดของผม เพราะวิชาที่ค้องได้เจอและเรียนมันเป็นวิชาที่ผมต้องการความรู้เท่าที่ผมจะรับมันได้ เพราะในอนาคตผมต้องการทำอาชีพเกี่ยวกับการสื่อสารหรือว่าถ่ายรูปรวมไปถึงการทำงานเกี่ยวกับ Production House (โปรดักชั่น เฮ้าส์) ผมจึงเลือกที่จะเรียนคณะวิทยาการจัดการ โปรแกรมวิชานิเทศ(การสื่อสารใหม่) เพราะโปรแกรมวิชานี้น่าจะตอบสนองความต้องการที่ผทได้พูดไว้เบื่อต้นได้ และอีกอย่าที่ผมเห็นได้ในการมาเรียนปี1ใหม่ซึ้งงผมไม่ได้มันกลับไปคือครอบครัว ผมอิจฉานะผมเห็นเขามารับน้องกันทุกวันซื้งผมไม่มีโอกาสที่ได้ทำตรงนั้นเพราะตอนนี้ผมก็มีงานทำบ้างแล้วเลยไม่ได้มารับน้องกับเพื่อนๆปี1 ผมเลยไม่มีครอบครัว ซื้อปี1น้องใหม่ทุกคนน่าจะมีแต่ผมไม่มี ซึ้งถ้าจะพูดถึงการเรียนของโปรแกรมวิชานิเทศ(การสื่อสารใหม่) มันมีอะไรมากกว่าที่คิดสำหรับผม ถึงผมจะผ่านการเรียนปี1มาแล้ว1ปี ผมว่า โปรแกรมวิชานิเทศ(การสื่อสารใหม่) นี้เริ่มตอบโจทย์ให้ผมบ้างแล้วแหละ ถึงมันเพียงแค่การเริ่มต้นก็ตาม ถึงมันไม่ไม่อยากแต่มันก็ไม่ง่าย สิ่งที่เจออันแรกที่เข้ามาเรียนในโปรแกรมวิชานี้คือ อาจารย์และพี่ๆที่ให้ได้ทุกอย่างสำหรับน้องผมขนาดผมไม่ได้เข้าร่วมกิจจกรรมเชื่อสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องในครั้งนี้ผมยังรับรู้ถึงบ่างสิ่งบางอย่างที่รุ่นพี่ได้ให้กับน้องๆได้ ส่วนเรื่องการเรียนกับอาจารย์ ผมปลื่มมากกับการสอนของแต่ละท่านเพราะทุกท่านที่เข้ามาสอนจะมีอะไรบางอย่างผมก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไรแต่ผรู้สึกได้ มันทำให้ผมอยากเรียนและเข้าใจไม่เรื่องที่ท่านได้สอนมา ผมจะขอเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากถึงมากที่สุดเพื่อจะนำเอาไปปรับใช้ไม่ชีวิตจริงแหละการทำงาน


                                                สุดท้ายนี้ผมก็ยังจะบอกกับหลายๆคนที่เข้ามาอ่าน ถึงผมจะพูดไม่เข้าใจวนไปวนมาแต่ที่ผมพูดไปทั้งหมดนี้มันคืว่ารู้สึกทีได้ผ่านเข้ามาในช่วงชีวิตผมของผม ผมแค่อยากจะบอกว่าเรียนให้จบใตรๆก็เรียนได้แต่เรียนแล้วึฃความรู้และเรียนแล้วมีคยามสุขมันอยากเลยอยากให้ถามถามกับตัวเองว่าต้องการอะไร.....